วันนี้หนิงมีหนังสือเล่มนึงที่อยากจะมาแบ่งปันค่ะ รีวิวข้อคิดสั้นๆ แบบรวบตึง แนะนำหนังสือ: How to Stop Worrying and Start Living เขียนโดย Dale Carnegie Dale Carnegie Thailand
+พยายามจัดการกับความกังวล ด้วยคอนเซปท์ความคิด “ให้มันจบที่เที่ยงคืน” คล้ายๆกับคำคุ้นๆว่า เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็เช้าแล้ว แม้ว่าจะมีความเครียด ความกังวล มากขนาดไหน แต่ให้คุณสื่อสารกับตัวเองว่า วันนี้เราก็เต็มที่แล้ว ดีที่สุดแล้ว ตัดจบเท่านี้ก่อน พอก่อน พักก่อน
+ใช้หลัก 3-PointPlan (คิดให้เป็นกลยุทธ์)
1.ประเมินสถานการณ์ก่อน ว่าที่จริงมันเกิดเรื่องอะไรกัแน่
2.คิดถึงสถานการณ์ที่มันจะแย่ที่สุดว่าจะเกิดะไรขึ้นได้บ้าง
3.ลองวางกรอบใหม่ๆ แนวทางใหม่ หรือปรับมุมมองเพื่อเห็นโอกาสใหม่
+ให้ทำ Body Scan บ่อยๆ ( Body Scan คือ การเยียวยาร่างกายและจิตใจ ด้วยการผ่อนคลายกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ โดยการส่งจิตไปยังร่างกายเพื่อผ่อนคลายความกังวลกลัวหรือความเครียดจากสารพัดสาเหตุ )
+ให้รู้ว่าเรามักจะรู้สึกเครียด หรือกังวล กับสถานการณ์อะไรบ่อยที่สุด เช่น ไม่ชอบคน toxic , ตัวเลขที่ลดลง , สภาพแวดล้อม สถานการณ์ที่สามารถสร้างความอึดอัด เป็นต้น
ให้หลีกเลี่ยงสถานการณ์นั้นๆ หรือทำให้ตัวเองยุ่งๆเข้าไว้ จะได้ไม่ไปโฟกัสกับสถานการณ์ที่อาจสร้างความกังวลได้
+เพิ่มกิจกรรมที่รีแล็กซ์ใส่เข้าไปในปฏิทิน เช่น เล่นดนตรี อ่านหนังสือสบายๆ ทำอาหาร ทานของอร่อยๆ
+ปัญหาการเงินก็เป็นอีกเรื่องที่ผู้คนกังวลบ่อยๆแนวทางการลดความกังวลเรื่องการเงิน
1. เริ่มจากการจริงใจ กับการ รับเงิน และ จ่ายเงินของตัวเองก่อน
2. เขียนทุกอย่างลงไป และทำ Budget เอาไว้เพื่อเห็นแนวโน้มอนาคต
3. สอนลูกๆ ให้เข้าใจเรื่องเงินตั้งแต่เด็กๆ
4. อะไรก็ตามที่มีการสัญญา หรือคอมมิทว่าจะต้องจ่ายในอนาคต เช่นการผ่อนรถ ผ่อนบ้าน ค้ำประกัน ถ้าเราไม่มั่นใจในรายได้ที่เสถียร(มั่นคง) ในระยะยาว #จงอย่าทำ
5. ของสำคัญต่อคุณจง #ทำประกัน เช่น สุขภาพ บ้าน การใช้ชีวิตเกษียณ
6. คุณต้องมีวิธีการสร้างรายได้ ที่คุณไม่ต้องลงมือทำเองตลอดเวลา เช่น passive income การลงทุนต่างๆ / การสร้างอาชีพที่2,3,4 / ปล่อยเช่า ต่างๆ
+ การนอนคือเรื่องที่สำคัญที่สุดของชีวิต
+ เมื่อไหร่ที่เริ่มกังวลให้ทำตัวให้ยุ่งเข้าไว้
+ จงเชื่อมั่นว่า เรามีอำนาจเหนือความกังวล
+ ให้เครดิตตัวเอง เชื่อมั้นตัวเอง ว่าเราสามารถจัดการเรื่องเหล่านี้ได้แน่นอน ผ่านอะไรมาตั้งเยอะแล้ว
+ ความกังวลในที่สุดมันจะส่งต่อมาทางร่างกายด้วย เช่น โรคเครียด โรคหัวใจ ผิวเหี่ยว ต่อมหมวกไตล้า
+ เวลามีความหวังอะไร อย่าลืมว่า มันต้องมีความเป็นไปได้สอดคล้องด้วย
+ไม่ต้องกังวลว่าคนอื่นจะคิดยังไงกับเรา ทุกคนต่างสนใจเรื่องของตัวเองมากกว่าเรื่องของคนอื่นอยู่แล้ว
+ ลึกๆแล้ว ความกังวล มาจาก ความกลัว ขจัดความกลัวและความกังวลด้วยความรู้ หาข้อมูลเพิ่ม ปรึกษาผู้มีประสบการณ์เพิ่ม และลองวางแผนใหม่ๆดู
#ningfengpowerful
หวังว่าบทความนี้ จะช่วยทำให้คลายความกังวล และหาหนทางที่นำไปสู่ทางออกได้นะคะ เป็นกำลังใจให้ทุกท่านค่ะ ขอบคุณที่ติดตามค่ะ
Follow me : www.ningfengpowerful.com